วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รวมภาพตกปลา !!!
























































ภาพจาก : www.siamfishing.com
ตกปลาเป็นกีฬาอย่าวหนึ่ง ฝึกสมาธิ ทำให้ทำงานทางด้านอาชีวอนามัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของ จป.วิชาชีพ

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

ภาพการทำงานบนที่สูงที่ไม่ปลอดภัย









































































































































ภาพการทำงานบนที่สูงที่ไม่ปลอดภัย
















ภาพเหตุการณ์เหล่านี้...เป็นการทำงานโดยประมาทขาดการตระหนักถึงอันตราย..ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันภัยบนที่สูง....ในฐานะที่คุณเป็นจป.รู้สึกอย่างไร?
















หลักการทำ5ส.


หลักการทำ5ส.
รูปแบบ 5 ส. ในสำนักงานของบริษัท
รู้ระบบของการทำ 5 ส.
รู้องค์ประกอบของการทำ 5 ส.
ได้ดูงานการจัดการ 5 ส. ที่ดี
การจัดการที่มีระบบแบบแผนชัดเจน และก็ได้ตามนั้น
ศึกษาดูงานในระบบกิจกรรม 5 ส.
ได้เห็นรูปแบบการทำงาน 5 ส.
ได้รับรู้ระบบการทำงานของบริษัท อย่างเข้าใจแท้จริง
ได้รับความรู้จากระบบการทำงานของบริษัท
วิธีสร้างความตระหนักและจิตสำนึก
ความเข้าใจหลักการ 5 ส.
วิธีการบริหารและจัดการ การปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับหลัก 5 ส.
นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ได้ดูงาน ดูสถานที่ ระบบการจัดการเรื่อง 5 ส.
คงเป็นกิจกรรม 5 ส. ที่ทุกคนเบื่อหน่าย
นำระบบการทำงาน 5 ส. มาปรับใช้ในองค์กร
ได้ดูระบบบริหารจัดการทางด้าน 5 ส. ที่ดีแบบยั่งยืน
แนวทางการจัดทำ / การดำเนินงาน 5 ส. ที่สามารถประสบความสำเร็จ
หลักการทำ 5 ส.
วิธีการดำเนินกิจกรรม 5 ส.
รูปแบบการจัดการ เพื่อพัฒนา 5 ส.
นำมาปรับปรุงพัฒนางาน
ได้ทราบการดำเนินงาน แนวคิด ในการจัดกิจกรรม 5 ส. ของบริษัท
งานจัดบอร์ด 5 ส.

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

การป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรกล( WORKING SAFETY WITH MACHINE)

การป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรกล
( WORKING SAFETY WITH MACHINE)





การป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรกล หรือการทำการ์ดเครื่องจักร หมายถึงการกระทำใด ๆ ก็ตามที่ ที่ส่งผลให้เครื่อง จักรมีลักษณะ หรือคุณสมบัติที่ปลอดภัยต่อ การปฏิบัติ งานอย่างปกติ โดยไม่มีผลต่อ สมรรถนะ ของเครื่องจักร หรือต่อ ความ ชำนาญของเครื่องจักรกล นั้น ทำงาน
การทำการ์ดเครื่องจักรกลมีหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับลักษณะของเครื่องจักรกล แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ
* เครื่องต้นกำลัง ( Prime mover machinery )
* เครื่องส่งกำลัง ( Transmission machinery )
* เครื่องจักรทำการผลิต ( Production machinery )



การทำงานกับเครื่องจักร ต้องระมัดระ วัง


เป้าหมายในการออกแบบการ์ดเครื่องจักรกล
1. ให้การป้องกันอันตรายตั้งแต้ต้นมือ หมายความว่า เครื่องจักรกลต้องไม่ทำงาน หากมีสิ่งแปลกปลอมไปอยู่ในบริเวณ อันตราย ของ เครื่อง จักรกล นั้น ลักษณะของการ์ดประเภทนี้ให้ ความ ปลอดภัยสูง

2. ให้การป้องกันมิให้ส่วน ของร่างกายเข้าใกล้เขตอันตราย ในบางครั้งการควบคุม เครื่องจักรกลในทันทีทันใดอาจจะ กระทำ ไม่ได้ หรืออาจก่อ ให้เกิดความเสียหายแก่ระบบ เครื่องจักรดังนั้น การต่อเติมชิ้นส่วนบางชิ้นส่วน เข้าไปแล้ว ป้องกัน อันตรายได้จึงเป็นทางเลือกที่ดี

3. ให้ความสะดวกแก้ผู้ทำงานเช่นเดียวกับที่ไม่ใส่การ์ด การ์ดที่ดีไม่ควรรบกวนต่อการทำงานของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น การ มอง การจับ ชิ้นงาน การควบคุมการทำงาน และการตรวจ วัดขนาด

4. การ์ดที่ดีไม่ควรขัดขวางผลผลิต การใช้แผ่นกั้น หรือการปุ่ม 2 ปุ่มในเครื่องปั๊มขึ้นรูปให้ความปลอดภัยแก่คนงาน อาจจะทำให้ช้าบ้าง แต่ก็ต้อง ยอมรับ ผลผลิตกับความปลอดภัย ความปลอดภัยต้องมาก่อน

5. การ์ดเครื่องจักรกลควรใช้งานอย่างอัตโนมัติ หรือด้วยแรงงานน้อยที่สุดเมื่อเครื่องจักรเริ่มทำงาน การ์ดต้องทำงาน ทันที ถ้ามีการเคลื่อนย้าย เครื่อง ต้องไม่ทำงาน อาจจะมีการใช้ตา ไฟฟ้าช่วยได้

6. การ์ดควรเหมาะสมกับงาน และกับเครื่องจักรนั้น ๆ การ์ดที่สวยงาม หรูหราและสมบูรณ์แบบนั้นบางครั้งอาจจะ ไม่มีโยชน์ใน การป้องกัน อันตราย เลย เพราะขัดขวางกับการทำ งาน ระหว่าง คนกับเครื่อง

7. พนักงานจำเป็นต้องถอดออก

8. การ์ดที่ดีควรมีลักษณะติดมากับเครื่อง เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องมีความปลอดภัยในตัวสูงอยู่แล้ว

9. การ์ดที่ดีควรเอื้ออำนวยต่อการเติมน้ำมัน หรือซ่อมบำรุง ฝาครอบเครื่องจักร ที่ปิดครอบชุดเฟือง หรือสายพาน ควรทำ ให้เปิดซ่อมบำรุง

10. การ์ดที่ดีควรทนทานต่อการใช้งานปกติและมีการบำรุงรักษาน้อยที่สุด ฝาคือส่วนที่อยู่นอกสุดถ้าไม่แข็งแรงทนทาน อาจเป็นอันตรายต่อ ชิ้นส่วนภายในได้

11. การ์ดเครื่องจักรที่ดี ควรป้องกันอันตรายที่ไม่ได้คาดหมายได้ดี นอกจากอันตรายที่มองเห็นเฉพาะหน้า หมายความว่า ต้องป้องกันได้ ทุกสถานการณ์

หลักการทำการ์ดเครื่องจักรกล
การทำการ์ดให้เกิดความปลอดภัย ในการใช้เครื่องจักรกล มี 4 ประการสำคัญ
1 .หลักการป้องกันหรือขัดขวางมิให้เข้าไปสัมผัสจุดอันตรายของเครื่อง ได้แก่
ออกแบบเครื่องจักรโดยวางจุดอันตรายไว้ภายใน จำกัดขนาดของช่องเปิดมิให้มือหรืออวัยวะอื่นเข้าได้
จัดช่องวางที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้เกิดการหนีบอัด หรือกระแทกของอวัยวะระหว่างผิวงานของเครื่องจักร แผ่นหรือตะแกรงปิดกั้นถาวร มิให้ส่วนที่มีอันตรายโผล่ หรือเปิดเผย ต่อการสัมผัสได้

2 . หลักการควบคุมโดยให้มือออกพ้นจากบริเวณอันตราย ได้แก่
การใช้ปุ่มควบคุม 2 ปุ่ม
การใช้ชุดควบคุมที่อยู่ใกล้ (Remote Control )

3 .หลักการเครื่องจะไม่ทำงานถ้าไม่เอามือออกไปจากเขตอันตราย ได้แก่ การใช้ระบบลำแสงนิรภัย
การใช้ก้านหรือราวป้องกัน ที่ควบคุมด้วยเครื่องด้วยที่เรียกว่าราวนิรภัยหรือฝาครอบนิรภัย

4 .หลักการปัดให้พ้นเขตอันตรายก่อนทำงาน ซึ่งได้แก่ เครื่องปัดมือออกก่อนตัด ตะแกรงกดหรือกวาดสิ่งกีดขวางก่อนใบมีดจะเคลื่อนไป


เมื่อ มี ปัญหาควรร่วม กัน คิด เพื่อแก้ไข




การทำงานกับเครื่องจักรที่ใช้มือต้องมั่นใจว่า ปลอดภัย



ตัวอย่างประยุกต์การใช้งานหลักการทำการ์ดเครื่องจักรกล
1.การจัดช่องเปิดที่ปลอดภัย โดยการทำตะแกรงหรือกรงแผ่นกั้น เพื่อขัดขวางมิให้นิ้วมือเข้าไป สามารถมองเห็นภายในได้ ขนาดที่เหมาะสม ของช่องเปิดที่ปลอดภัยเป็นดังนี้


2. การใช้ปุ่มควบคุม 2 ปุ่ม สำหรับการทำงานคนเดียว


ข้อดีของการใช้ปุ่ม 2ปุ่ม
1. มือของคนงานจะต้องออกจากจุดอันตรายบนเครื่อง2. มือข้างหนึ่งข้างใดปล่อยจากปุ่ม เครื่องจะไม่ทำงาน

ข้อจำกัดในการใช้การ์ดแบบนี้
1. ใช้ไม่ได้กับงานที่คนงานต้องจับชิ้นงาน 2. เมื่อคลัทช์ชำรุด ชุดหัวอัดอาจทำงานซ้ำเป็นครั้งที่ 2 อาจทำอันตรายแก่มือคนงานได้

3. การใช้ระบบแสงนิรภัย โดยการใช้หลักว่า ลำแสงถูกบังจะทำให้เครื่องหยุดทำงานไม่ว่ากรณีใด ๆ หากเกิดความ บกพร่องต่อระบบแสง ทำให้แสงดับ เครื่องจะต้องไม่ทำงาน


ข้อดีในการใช้งาน
1. ไม่มีชิ้นส่วนเครื่องกลที่เป็นวัสดุแข็ง หรือโลหะอื่นใดขวางหน้าอยู่ ทำให้สะดวกแก่การทำงานมาก

2 .คนควบคุมเครื่องมองเห็นได้ทั่วถึง

3. ใช้กับเครื่องขนาดใหญ่ที่ทำงานหลายแบบ ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้การ์ดชนิดอื่น

ข้อจำกัดในการใช้การ์ดแบบนี้
1. จะใช้กับเครื่องตัดที่สามรถหยุดได้ทุกขณะที่หัวตัด หรือหัวอัด ชนิดที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาเท่านั้น ชนิดที่เคลื่อนแล้วหยุดจะใช้ไม่ได้ บริเวณแสงส่องต้องห่างจากจุดอันตรายมากพอ ที่จะมีเวลาให้เครื่องหยุดก่อนทัน ก่อนมือจะเข้าไปถึง

2. ต้องมีจำนวนแสงกว้างพอจึงจะปลอดภัย ต้องหมั่นตรวจและซ่อมบำรุง เพราะหากขาดไป 1 ดวงเครื่องจะไม่ทำงาน

4. การใช้ก้านนิรภัย ก้านนิรภัยมีหลายลักษณะ ทำงานด้วยการ กวาด หรือ ปัด ผ่านหน้าบริเวณอันตราย ก่อนที่อันตราย จะเกิด


ข้อดีในการใช้งาน
1. ใช้ได้กับเครื่องอัดขนาดเล็ก ๆเท่านั้น ขนาดกว้างไม่เกิน 6 นิ้ว

2. การเคลื่อนที่ของก้านนิรภัยเป็นไปตามการเคลื่อนที่ของหัวอัด แม้ว่าคลัทช์จะทำงานผิดพลาด ทำให้หัวอัดเคลื่อนตัวลงมา แขนนิรภัยก็จะทำงานอีกคู่กัน จึงปลอดภัยกว่า

3. ตัวการ์ดแบบนี้ง่ายแก่การปรับ

ข้อจำกัดในการใช้การ์ด
1. ความยาวของก้านนิรภัยจะต้องมากพอ ต่อการแกว่งและปัด ในระยะที่ยาวเท่ากับความยาวของช่วงอันตราย ถ้างานยาวมาก ก้านยาวจะไม่สะดวก

2. ในกรณีที่แท่นปั๊มมีขนาดใหญ่ หากมือคนงานเกิดติดอยู่ในแท่น แขนของคนงานอาจหักได้จากการปัดของก้าน

3. การใช้ก้านนิรภัยมิได้ห่อหุ้ม หรือปิดกั้นอันตรายไว้ แต่อย่างใด

5. การใช้เครื่องดึงมือออกก่อนการทำงาน


ข้อดีในการใช้งาน
1. เครื่องจะดึงมือคนงานออกทุกครั้งในจังหวะที่หัวอัดเคลื่อนที่ลงมา โดยความตั้งใจหรืออุบัติเหตุก็ตาม จึงปลอดภัย

2. อุปกรณ์ดึงมือนี้ต่อกับเครื่อง จึงไม่ต้องเพิ่มแรงงาน หรือ ความยุ่งยากใด ๆ เพิ่มจากการทำงานปรกติของคนงาน

3. ให้ความปลอดภัยสูง หากได้รับการออกแบบและปรับระยะให้เหมาะสม

4. ไม่ขัดขวางหรือบังสายตาคนงานแต่อย่างใด

ข้อจำกัดในการใช้การ์ดนี้
1. ใช้ได้เฉพาะกับระบบงานสมบูรณ์แบบคนงาน ไม่ต้องเดินไปไหนเท่านั้น

2. เกิดเหตุฉุกเฉินคนงานอาจตกใจและวิ่งหนีออกไปไม่ทัน

3. คนงานอาจละเลยต่อการสวมลวดดึงเข้ากับข้อมือก็ได้

4. การปรับระยะดึงที่เหมาะสมต้องกระทำอยู่เสมอ

5. เมื่อเปลี่ยนชิ้นงานที่มีขนาดผิดไป ต้องปรับระยะดึงให้เหมาะสมใหม่

6. หากแท่นหัวเคลื่อนที่สั้น ๆ ต้องมีระบบ รอกทดสอบ เพื่อขยายระยะชักให้เพียงพอ

7. ต้องใช้เนื้อที่หนาแท่นเครื่องบางส่วนในการติดตั้งอุปกรณ์ ทำให้เปลืองเนื้อที่ไปบ้าง


6. การใช้แผ่นกั้นเคลื่อนที่ได้

ข้อดีในการใช้งาน
1. เมื่อแผ่นกั้นยกเลื่อนขึ้น แท่นหัวอัดจะไม่เคลื่อนตัวลงมาเด็ดขาด ทำให้ปลอดภัย

2. ตราบใดที่แผ่นกั้นปิดไม่สนิท เครื่องจะไม่ทำงาน

3. ปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนแบบเป็นวิธีอื่น ๆได้

ข้อจำกัดในการใช้การ์ดนี้
1. หากกลไกควบคุมคลัทช์บกพร่อง แผ่นกั้นอาจไม่สามารถ ล็อกชุดหัวอัดมิให้เคลื่อนตัวลงมาได้

2. หากออกแบบไว้ไม่เหมาะสม อาจกดลงด้วยแรงมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อคนคุมเครื่องโดยตรง

7. การใช้แผ่นกั้นแบบอยู่กับที่ แผ่นกั้นแบบนี้ เป็นได้ทั้งโลหะแผ่น พลาสติก ตะแกรงลวดหรือตะแกรงเหล็ก ที่มีขนาด เล็ก พอที่จะ ไม่ให้มือ ลอด ผ่านได้ เหมาะสมกับเครื่องทีมีกำลัง การทำงานจำกัด ชิ้นงานมีความเปลี่ยนแปลง ขนาด ไม่มาก ตัวอย่างที่เหมาะสม คือเครื่องตัดโลหะแผ่น ซึ่งจะ ตัดโลหะที่ความหนาจำกัด จะเปลี่ยนเฉพาะขนาดความ กว้างเท่านั้น ดังนั้นสามรถติดตั้งแผ่นกั้นอย่างถาวรได้ โดยทิ้งช่องห่างของทางเข้า ออกมีค่า ที่ปลอดภัย

8. การใช้แผ่นกั้นชนิดพับได้


9.การใช้คนเจ็บเป็นตัวป้องกันอันตราย หลักการคือ คนงานที่ได้รับอันตรายจะหมดสติ จะต้องกระโดด หรือ เคลื่อนที่ ตำแหน่งเท้าไปจากเดิม ดังนั้น ตำแหน่งวางเท้าใช้ควบคุมเครื่องได้ คนงานจะเหยียบคันบังคับที่เท้าข้างใดก็ได้ เครื่อง จึง จะทำงาน เมื่อประสบอันตราย ปล่อยขาเหยียบจะหยุด ทำงานทันที

10.ใช้เครื่องมือจับชิ้นงานป้อนแทนมือ ซึ่งอาจจะเห็นว่าถนัดสู้ใช้มือไม่ได้ แต่ในระยะแรกอาจไม่ชำนาญ แต่เมื่อ เวลา ผ่านไป จนทำงาน ชำนาญ แล้ว ความรวดเร็วจะไกล้เคียงกันมาก เครื่องมือจับชิ้นงานอาจประกอบด้วย ตะขอเกี่ยว คีมคีบ คีมหนีบ แผ่นแซะ หัวจับด้วยแม่เหล็ก หัวจับด้วย สุญญากาศ


ปัจจัยในการพิจารณาในการเลือกใช้ เครื่องมือจับชิ้นงาน
1. ออกแบบเครื่องมือให้ใช้สะดวก และถนัดมือที่สุด เช่น น้ำหนักเบา ได้ศูนย์ มีด้ามจับ สะดวก หยิบง่าย

2. คีมหนีบแบบต่าง ๆ ควรติดสปริงคายไว้ เพื่อให้คีมคายปาก คีบออกได้เองเมื่อปล่อยมือออก

3. เพื่อลดความสึกหรอของแม่พิมพ์ หรือขอบชิ้นงานตรงปลายหนีบของคีมจับควรสวมต่อด้วยวัสดุอ่อนที่เหมาะสม

4. วัสดุที่ใช้ทำคีมควรคงทนต่อสภาพการใช้งาน โดยเฉพาะตรงปากจับไม่ควรเป็นสนิม


























































จป. คืออะไร?

ชื่ออาชีพ : เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) Safety Officer

รหัสอาชีพ : 1-94.50 (TSCO) 2412 (ISCO)

นิยามอาชีพ :
ผู้ประกอบอาชีพนี้ทำหน้าที่แนะนำ กำกับดูแล รับผิดชอบให้พนักงานในสถานประกอบการได้รับความปลอดภัยในการทำงาน และสำรวจตรวจสอบความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากเครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องมือตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทำงาน เสนอให้มีการป้องกัน หรือแก้ไขปรับปรุงสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการให้ได้มาตรฐาน ตามกฎหมายความปลอดภัยที่ประกาศใช้โดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม

ลักษณะของงานที่ทำ :
ตามกฎหมายข้อบังคับให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ หรือโรงงาน อุตสาหกรรมที่มีพนักงานหรือลูกจ้างตั้งแต่ 1-49 คน จะต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน 3 ระดับ ดังนี้ ระดับพื้นฐาน ระดับหัวหน้างาน ระดับบริหาร ถ้ามีพนักงาน 50 คนขึ้นไป ต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน 3 ระดับ ดังนี้ หัวหน้างาน ระดับบริหาร ระดับวิชาชีพ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันดังนี้
หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับพื้นฐาน
1. ให้พนักงานปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ คำสั่ง คำแนะนำ หรือมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน 2. สำรวจสภาพการทำงาน และรายงานสภาพความไม่ปลอดภัยตลอดจนเสนอแนะแนวทางแก้ไขต่อนายจ้าง
3. รายงานการเกิดการประสบอุบัติเหตุอันตราย หรือการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานของลูกจ้าง ต่อนายจ้างโดยไม่ชักช้า
4. ส่งเสริม และสนับสนุนกิจกรรมความปลอดภัยในการทำงาน
5. ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน ตามที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน หรือระดับบริหารมอบหมาย
หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน
1. กำกับดูแลให้ลูกจ้างในหน่วยงานรับผิดชอบปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือมาตรการความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
2. สอนวิธีการปฏิบัติงานที่ถูกต้องแก่ลูกจ้างในหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
3. ตรวจสอบสภาพการทำงาน เครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยก่อนลงมือปฏิบัติงานประจำวัน
4. ตรวจสอบสาเหตุการประสบอันตรายการเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อน รำคาญอันเนื่องมาจากการทำงานของลูกจ้างร่วมกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับพื้นฐานหรือระดับวิชาชีพ และรายงานผลรวมทั้งข้อเสนอแนะต่อนายจ้างเพื่อป้องกันการเกิดเหตุโดยไม่ชักช้า
5. ส่งเสริม และสนับสนุนกิจกรรมด้านความปลอดภัยในการทำงาน
6. ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงานตามที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหารมอบหมาย
หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร
1. กำกับดูแลให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับพื้นฐาน ระดับหัวหน้างานและระดับวิชาชีพ ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบให้เป็นไปตามกฎระเบียบ คำสั่ง หรือมาตรการความปลอดภัยในการทำงาน
2. ส่งเสริม และสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
หน้าที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ
1. ตรวจสอบ และเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน
2. จัดทำแผนงาน โครงการ มาตรการด้านความปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง
3. ตรวจสอบการปฏิบัติงานของสถานประกอบการให้เป็นไปตามแผนงาน โครงการหรือมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
4. กำกับดูแลให้ลูกจ้างปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
5. แนะนำ ฝึกสอน อบรมลูกจ้างเพื่อให้การปฏิบัติงานปลอดภัยจากเหตุอันจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการทำงาน
6. ตรวจสอบหาสาเหตุการประสบอันตรายการเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องมากจากการทำงาน และรายงานผลรวมทั้งข้อเสนอแนะต่อนายจ้างเพื่อป้องกันการเกิดเหตุโดยไม่ชักช้า
7. รวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ และจัดทำรายงานข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการประสบอันตรายจากการเจ็บป่วย หรือเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องมาจากการทำงานของลูกจ้าง

สภาพการทำงาน : ผู้ประกอบอาชีพนี้ อาจปฏิบัติหน้าที่ภายในตัวอาคารของสถานประกอบกิจการ หรือกลางแจ้งที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจและชีวิต เช่น โรงงานผลิตประกอบ บรรจุ ซ่อมบำรุงรักษา ปรับปรุงตกแต่ง ดัดแปลงเพื่อการค้าแปรสภาพรวมถึงการต่อเรือ อู่เรือ การให้กำเนิดแปลงและจ่ายไฟฟ้า หรือพลังงานอย่างอื่น เหมืองแร่ เหมืองหิน กิจการปิโตเลี่ยม หรือสถานที่ก่อสร้าง เช่น ต่อเติม ซ่อมบำรุง สนามบิน ทางรถไฟ โทรเลข โทรศัพท์ไฟฟ้า ก๊าซ การขนส่งคนโดยสารทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ รวมทั้งการขนถ่ายสินค้าสถานีบริการ หรือจำหน่วยน้ำมันเชื้อเพลิงหรือก๊าซ เป็นต้น ในสถานที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อสุขภาพและร่างกาย ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ต้องใช้เครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐาน เช่น แว่นตา หมวกนิรภัย เครื่องป้องกันหน้า ปลั๊ก และที่ครอบหูลดเสียง ที่ครอบปากและจมูก ชุดกันความร้อน ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ เข็มขัดนิรภัย รองเท้า ครีมทาผิว หรือเครื่องเฝ้าอันตรายที่ติดตัวบุคคล เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ : ผู้ที่ปฏิบัติอาชีพนี้ในระดับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ ที่ต้องปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการ ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี สาขาชีวอนามัย หรือเทียบเท่า หรือสาขาอื่นที่มีหลักสูตรเกี่ยวกับคงวามปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนีบัตรวิชาชีพชั้นสูง 2. เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยจะต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรการอบรมตามประกาศกระทรวงมหาดไทยใหม่ ลงวันที่ 31 มีนาคม 2540

โอกาสในการมีงานทำ : เนื่องจากกฎหมายเพิ่งบังคับใช้ ทำให้สถานประกอบการทุกแห่งทั่วประเทศที่มีพนักงานหรือ ลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องทำการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพทุกองค์กร ดังนั้นตลาดแรงงานในอาชีพนี้จึงยังมีความต้องการบุคลากรประเภทนี้อยู่มาก

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ : สำหรับผู้มีความสามารถอาจจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับผู้บริหารและอาจเป็นผู้จัดการฝ่าย หรือฝ่ายบริหารสูงสุดแล้วแต่โครงสร้างของสายงานขององค์กร

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

ภาพอุบัติเหตุจากการทำงาน



































































รวบรวมภาพอุบัติเหตุจากการทำงาน...เราต้องร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดภาพเหล่านี้เกิดขึ้นมาอีก











การบริหารงานความปลอดภัยอย่างมืออาชีพ

การบริหารงานความปลอดภัยอย่างมืออาชีพเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในระดับวิชาชีพ นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปจะต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพให้มีหน้าที่และทำงานเต็มเวลา โดยผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งต้องมีคุณสมบัติครบตามประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และต้องมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพเป็นเลขานุการคณะกรรมการความปลอดภัยในการทำงานโดยตำแหน่ง กรณีที่มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 1 คนต้องแต่งตั้ง1 คน ดำรงตำแหน่ง จป. ที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วและได้รับการแต่งตั้ง ต้องปฏิบัติงานความปลอดภัยในการทำงานตามกฎหมายกำหนด